1 ความคิดเห็น

ศธ.ขอ ครม.ไฟเขียว อนุมัติ พ.ร.บ.วิทยาลัยชุมชน ห้ามปฏิเสธ ไม่รับ นร.ยากจน ขาดทุนทรัพย์






 วันที่ 26 พ.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม ครม.วันที่ 28 พ.ค. กระทรวงศึกษาธิการขอความเห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติสถาบันวิทยาลัยชุมชน พ.ศ. ....ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป

สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว มีดังนี้ 1. กำหนดให้สถาบันเป็นนิติบุคคลและเป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบ ประมาณ ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ซึ่งจัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษาที่ต่ำกว่าปริญญาโดยวิทยาลัยชุมชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การศึกษา ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อสร้างความเข้มแข็งของท้องถิ่นและชุมชน ตอบสนองและสอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่นและชุมชน

2. กำหนดให้สถาบันแบ่งส่วนราชการออกเป็น สำนักงานสถาบันวิทยาลัย ส่วนราชการอื่นๆ และให้การจัดตั้ง การรวม การโอนหรือการยุบเลิกวิทยาลัยหรือส่วนราชการอื่นจัดทำเป็นกฎกระทรวง เว้นแต่การแบ่งราชการภายในให้ทำเป็นประกาศสถาบัน

3. กำหนดให้สถาบันมีรายได้นอกจากเงินที่กำหนดไว้ในงบประมาณแผ่นดิน ได้แก่ เงินผลประโยชน์ ค่าธรรมเนียม เบี้ยปรับ ค่าปรับ และค่าบริการต่างๆ ของสถาบันเงินอุดหนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือเงินอุดหนุนอื่นที่ สถาบันได้รับเพื่อใช้ในการดำเนินกิจการของสถาบัน เงินและทรัพย์สินซึ่งมีผู้อุทิศให้ เป็นต้น และให้รายได้ของมหาวิทยาลัยไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งกระทรวงการคลังตาม กฎหมายว่าด้วยเงินคงคลังและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ

4. กำหนดให้มีสภาสถาบัน ประกอบด้วยนายกสภาสถาบัน กรรมการโดยตำแหน่ง กรรมการซึ่งเลือกจากผู้แทนภาคเอกชน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กำหนดคุณสมบัติหลักเกณฑ์ วิธีการได้มา วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งนายกสภาสถาบันและกรรมการผู้ทรง คุณวุฒิและภาคเอกชนเป็นไปตามที่กำหนด และให้สภาสถาบันมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด

5. กำหนดให้มีสภาวิชาการ สภาวิทยาลัย และคณะกรรมการส่งเสริมกิจการวิทยาลัย โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด และให้จำนวน คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง ตลอดจนการประชุมเป็นไปตามที่กำหนด

6. กำหนดให้มีผู้อำนวยการสถาบันเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบการบริหารงาน ของสถาบัน กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหา วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามให้เป็นไปตามข้อบังคับของสถาบัน และให้ผู้อำนวยการมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด

7. กำหนดให้วิทยาลัยซึ่งเป็นส่วนราชการในสถาบันมีหน้าที่จัดการศึกษาในระดับ อุดมศึกษาที่ต่ำกว่าปริญญา และฝึกอบรมด้านวิชาการหรือด้านวิชาชีพ และให้วิทยาลัยบริหารและจัดการศึกษาบนพื้นฐานของการประสานความร่วมมือ ระหว่างรัฐกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชน ตลอดจนการระดมทรัพยากรและการสนับสนุน

8. กำหนดห้ามมิให้วิทยาลัยปฏิเสธการรับบุคคลเข้าศึกษาในวิทยาลัยหรือยุติ หรือชะลอการศึกษาของนักศึกษาด้วยเหตุเพียงว่าผู้นั้นขาดแคลนทุนทรัพย์เพื่อ จ่ายค่าธรรมเนียมการศึกษา สำหรับหลักเกณฑ์การพิจารณาว่านักศึกษาผู้ใดเป็นผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ให้เป็น ไปตามระเบียบที่สภาสถาบันกำหนด

9. กำหนดให้มีผู้อำนวยการวิทยาลัย ซึ่งแต่งตั้งจากผู้มีคุณสมบัติตามที่กำหนด หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาเป็นไปตามข้อบังคับของสถาบัน วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง และให้ผู้อำนวยการมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด

10. กำหนดบทเฉพาะกาลเกี่ยวกับการโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน งบประมาณฯ การโอนบรรดาข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้างของส่วนราชการ การดำรงตำแหน่งประธานกรรมการและกรรมการต่างๆ การได้รับอนุปริญญาและประกาศนียบัตร ตลอดจนกฎกระทรวง กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ หรือหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่มีอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ.

 
 
ที่มา ไทยรัฐ วันที่ 27 พฤษภาคม 2556   โดย http://www.krukorsornor.com
read more
0 ความคิดเห็น

ภาพกิจกรรม การทำงาน


read more
0 ความคิดเห็น

ประวัติย่อพระนามจามเทวี

 



กำเนิดหญิง “วี”
พระนางจามเทวีตอนกำเนิดเป็นเด็กหญิง “วี” ที่ท่านพระฤๅษีสุเทพได้บันทึกไว้ในสุพรรณบัตร เราสุเทพฤๅษีแห่งอุจฉุตบรรพต (เขาไร่อ้อยหรือดอยสุเทพ) ณ ระมิงค์นคร ขอจารึกกำเนิดของกุมารีนามว่า “วี” มาให้มวล นิกรทั้งหลายได้รู้แจ้งดังนี้
            กุมารน้อยนี้ พญาปักษีพามาจากบุรพนคร เราจึงช่วยชิงเอาไว้ ณ สุวรรณบรรพต (ดอยคำ) ใกล้อาศรมแห่งปู่ย่าผู้บรรพบุรุษ พญาปักษีได้ปล่อยกุมารีตกลงมาท่ามกลางต้นปทุมสระหลวง เราจึงได้สักการะอธิษฐาน กุมารีนี้ จึงลอยขึ้นบน “วี” วันนี้ก็เป็นวันพระจันทร์เต็มดวง ปีมะโรง พุทธศก ๑๑๗๖ (ขึ้น ๑๕ ค่ำ) เดือน ๕ วันพฤหัสบดี ปีมะโรง ตรงกับเดือน ๗ เหนือ ออก ๑๕ ค่ำ ปีสีฯ
read more
0 ความคิดเห็น

บริบททั่วไปของสำนักงาน กศน.จังหวัดลำพูน

บริบททั่วไปของสำนักงาน กศน.จังหวัดลำพูน
ข้อมูลทั่วไป ที่ตั้ง : 178 หมู่ที่ 11 ถนนลำพูน-ริมปิง ตำบล ต้นธง อำเภอ เมือง จังหวัดลำพูน
โทรศัพท์ : 0-5351-1295 โทรสาร : 0-5356-1255 e-mail : lpn_51@lpn.nfe.go.th , nfe_51@hotmail.com

                  ประวัติความเป็นมา ปี พ.ศ. 2509 กองส่งเสริมอาชีพ กรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ได้รับความช่วยเหลือจากองค์การยูซอมแห่งสหรัฐอเมริกา โดยจัดยานพาหนะ วัสดุครุภัณฑ์ อุปกรณ์การศึกษาพร้อมทั้งให้ทุนการศึกษาภายในประเทศแก่ครู และการดูงานต่างประเทศ โดยให้มีที่ปรึกษาโครงการด้านการจัดสอนวิชาชีพชาวสหรัฐอเมริกา 1 คน ร่วมดำเนินการตั้งหน่วยฝึกฝนอาชีพเคลื่อนที่ปีละ 9 แห่ง ให้ครบตามโครงการในปี 2515 รวม 54 แห่ง โดยดำเนินการจัดการเรียนการสอนวิชาชีพหลักสูตรระยะสั้นในแผนกวิชาต่าง ๆ เช่น ช่างเครื่องยนต์ ช่างไฟฟ้า ช่างเชื่อมโลหะ ช่างวิทยุ ช่างดัดผม-เสริมสวย ช่างตัดเสื้อสตรี ช่างตัดเสื้อชาย ช่างอาหาร-ขนม เป็นต้น เพื่อให้เด็กและผู้ใหญ่ที่ออกจากโรงเรียนแล้ว มีความรู้ด้านอาชีพ สามารถทำการประกอบอาชีพได้ต่อมาในปีพ.ศ.2514ได้เปลี่ยนชื่อหน่วยฝึกฝนอาชีพเคลื่อนที่ มาเป็นโรงเรียนฝึกฝนอาชีพเคลื่อนที่

 
 
ใน ปี พ.ศ.2514 กระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศจัดตั้ง โรงเรียนฝึกฝนอาชีพเคลื่อนที่ 40” ณ จังหวัดลำพูน โดยใช้อาคารโรงเรียนการช่างสตรี ตำบลต้นธง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน และปี พ.ศ. 2515 คณะปฏิวัติได้มีคำสั่งให้โอน โรงเรียนฝึกฝนอาชีพเคลื่อนที่ มาสังกัดกองการศึกษาผู้ใหญ่ กรมสามัญศึกษา เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2524 กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศจัดตั้งศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดลำพูน สังกัดกรมการศึกษานอกโรงเรียนขึ้นแทนโรงเรียนฝึกฝนอาชีพเคลื่อนที่ 40 ที่ถูกยุบเลิกไป แต่ยังคงใช้อาคารเดิมของโรงเรียนฝึกฝนอาชีพเคลื่อนที่ 40 เป็นสำนักงานชั่วคราว มีหน้าที่จัดการศึกษานอกโรงเรียน ได้แก่ การศึกษาแบบเบ็ดเสร็จขั้นพื้นฐานการศึกษาสายสามัญ และการศึกษาสายอาชีพ การศึกษาตามอัธยาศัยในรูปแบบห้องสมุดประชาชน ที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้าน และจัดโครงการรณรงค์เพื่อการรู้หนังสือแห่งชาติ ในปีงบประมาณ 2532 กรมการศึกษานอกโรงเรียนได้จัดสรรงบประมาณในการก่อสร้างศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดลำพูน ณ ตำบลต้นธง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ซึ่งใช้ที่ดินราชพัสดุ ที่กรมอาชีวศึกษาโอนให้ มีเนื้อที่ 12 ไร่ 1 งาน 63 ตารางวา แปลงหมายเลขที่ ลพ 427 และใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงานในปัจจุบัน นับจากนั้นเป็นต้นมา งานการศึกษาภาคประชาชนของคนลำพูน ได้เจริญรุดหน้าเป็นที่ประจักษ์ของคนลำพูน โดยการนำของผู้บริหารระดับจังหวัดมาเป็นลำดับ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ และในปี พ.ศ. 2536 ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการศึกษาภาคประชาชนจังหวัดลำพูนอีกครั้งหนึ่ง เมื่อกระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศจัดตั้ง ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอ เพื่อเป็นสถานศึกษาที่ทำหน้าที่จัดการศึกษานอกโรงเรียนในพื้นที่บริการของจังหวัดลำพูน รวม 8 อำเภอ โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดลำพูน ส่งผลให้การบริการการศึกษานอกโรงเรียนในรูปแบบต่าง ๆ ทำได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น
 


ใน ปี พ.ศ. 2551 ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เนื่องจากการประกาศใช้พระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พุทธศักราช 2551 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 2551 เป็นต้นมา ได้เปลี่ยนชื่อจาก ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดลำพูน เป็น สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดลำพูน โดยเรียกชื่อย่อว่า สำนักงาน กศน.จังหวัดลำพูน มีสถานะเป็นหน่วยงานการศึกษามีบทบาทหน้าที่ในการบริหารจัดการ กำกับดูแลสถานศึกษาในสังกัดคือ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอ จำนวน 8 แห่ง เรียกชื่อย่อว่า กศน.อำเภอและกำหนดในวันที่ 4 มีนาคม ของทุกปีเป็นวันสถาปนาสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย

 
 
 
สำนักงาน กศน.จังหวัดลำพูน เป็นหน่วยงานทางการศึกษา ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2545 ปัจจุบันตั้งอยู่เลขที่ 178 ถนนลำพูน-ริมปิง ตำบลต้นธง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ประกอบด้วยอาคารสำนักงาน จำนวน 1 หลัง อาคารพัสดุ จำนวน 1 หลัง อาคารโรงรถ จำนวน 1 หลัง บ้านพักผู้อำนวยการ จำนวน 1 หลัง บ้านพักคนงาน (แฝด) จำนวน 1 หลัง (2 ห้อง)
 
read more
0 ความคิดเห็น

nf 12 กศน.อุทัยธานี


read more
0 ความคิดเห็น

กรุ๊ปเลือด

กรุ๊ป O 
กรุ๊ปโอ เป็นกรุ๊ปที่ย่อยอาหารเนื้อสัตว์ได้ดี เพราะเป็นกรุ๊ปเลือดที่เก่าแก่ที่สุด โดยมาจากมนุษย์กลุ่มแรกของโลก ดำรงชีวิตด้วยการล่าสัตว์และกินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร น้ำย่อยในกระเพาะอาหารของคนกรุ๊ป O มีความเป็นกรดสูงอยู่แล้ว จึงต้องหลีกเลี่ยงกลิ่นบำบัด หรือน้ำมันหอมระเหยตระกูลส้ม มะนาว มะกรูด เกรปฟรุต 
กลิ่นเหมาะกับคนกรุ๊ป O จึงเน้นไปที่กลิ่นใกล้เคียงกับสิ่งมีชีวิตที่ต้องอาศัยอยู่บนดินเป็นหลัก เช่น กลิ่นของต้นไทม์ ราสเบอร์รี่ ซีดาร์วู้ด แฟรงคินเซนส์ เปปเปอร์มินท์ กำยานไทย โกศกระดูก

กรุ๊ป A 
เมื่อหมดยุคล่าสัตว์ ก็เริ่มต้นตั้งถิ่นฐาน และรู้จักการเพาะปลูกพืช กินผัก ผลไม้ เป็นอาหารหลักแทนเนื้อสัตว์ น้ำย่อยในกระเพาะอาหารจะมีความเป็นกรดต่ำ หากกินอาหารประเภทเนื้อสัตว์เข้าไปมากๆ จะทำให้ย่อยยาก ระบบการย่อยไม่ค่อยดี การนวดตัวด้วยน้ำมันจากตระกูลธัญพืช โดยเฉพาะน้ำมันงาม่อน ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนที่ร่างกายสามารถดูดซึมชดเชยโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้เป็นอย่างดี คนกรุ๊ปนี้จะมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อความเครียดสูงมาก เนื่องจากร่างกายผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมาในปริมาณสูง แต่ฮอร์โมนดังกล่าวสามารถลดลงถ้าได้รับกลิ่นบำบัดที่เหมาะสมในการผ่อนคลายทางกายและใจ ควรหลีกเลี่ยง กลิ่นกระดังงา มะลิ หรือกลิ่นโทนต่ำ เพราะจะกดระบบประสาทและการไหลเวียนของเลือด 
กลิ่นที่เหมาะกับคนกรุ๊ป A กลิ่นเลือดของคนกรุ๊ป A จะมีกลิ่นธรรมชาติของสีเขียวคล้ายกับกลิ่นสดชื่นของสมุนไพร กลิ่นที่เหมาะก็คือกลิ่นของต้นไม้ในสวน ชาเขียว ใบมะเขือเทศ ใบโหระพา และยี่หร่า
กรุ๊ป B 
หลังจากมนุษย์ได้ตั้งถิ่นฐานและเพาะปลูกแล้ว ก็เริ่มเลี้ยงสัตว์เอง กินเนื้อและนมของสัตว์ที่เลี้ยงไว้ ร่างกายได้มีวิวัฒนาการมากขึ้น คนเลือดกรุ๊ปนี้สามารถกินอาหารได้หลากหลาย หากคนกรุ๊ปเลือด B ร่างกายอยู่ในสภาวะสมดุล ก็จะสามารถขจัดความเครียด และความวิตกกังวลได้ แต่เมื่อใดขาดสมดุลระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลจะเพิ่มสูงขึ้น เมื่อขาดสมดุลมักมีปัญหาเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันบกพร่องและไวรัส จะเกิดอาการเหนื่อยล้าง่าย จิตใจมัวหมอง สิ่งที่ต้องทำคือ ขจัดความเครียดเพื่อลดฮอร์โมนคอร์ติซอลที่ร่างกายหลั่งออกมาเพื่อตอบสนองต่อสภาวะเครียด ควรหลีกเลี่ยงโทนกลิ่นต่ำเช่นเดียวกับกรุ๊ปเอ แต่กลิ่นเหล่านี้เมื่อมีการผสมปรุงแต่งกลิ่นให้หอมสดชื่นก็สามารถใช้ได้ดี 
กลิ่นที่เหมาะกับคนเลือดกรุ๊ป B กลิ่นธรรมชาติของคนกรุ๊ปนี้ จะเป็นธาตุไม้ กลิ่นที่เหมาะคือ กลิ่นร้อนแรงของเนื้อไม้ กลิ่นเผ็ดร้อน ขิง เปปเปอร์มิ้นต์ โสม ชาเขียว ชาดำ แอปเปิ้ลแดง เชอร์รี่ดำ ทับทิม พริกไทย พิมเสน และไม้สัก
กรุ๊ป AB 
เป็นกลุ่มที่มีวิวัฒนาการซับซ้อนมากขึ้น ค้นพบเมื่อประมาณ 1,000 - 1,500 ปีมานี้เอง กรุ๊ปนี้เป็นการผสมผสานระหว่างกรุ๊ปเลือด A กับ B รวมกัน ดังนั้นวิธีการกินที่เหมาะสมกับคนกรุ๊ปนี้เป็นการผสมผสานการกินมังสวิรัติหน่อยๆ กับการกินแบบกรุ๊ป B นิดๆ คนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้มีจุดอ่อนเรื่องสุขภาพอยู่ที่ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และกรดในกระเพาะต่ำ โปรตีนกรุ๊ป AB จะมีกลิ่นใกล้เคียงกับสารเคมีที่ประกอบกันขึ้นมาจากส่วนต่างๆ ของพืช จึงออกสีเงิน 
กลิ่นบำบัดที่เหมาะกับคนกรุ๊ป AB จะมีกลิ่นที่เป็นส่วนประกอบของแร่หลากหลายชนิดมารวมกัน เช่น แอลดีไฮด์ (ยูคาลิปตัส มะนาว ตะไคร้ ใบส้ม เกรปฟรุต และซีดาร์วู้ด) อะลูมิเนียม หินชนวน ก้อนกรวด และน้ำ
 
 
 
read more
0 ความคิดเห็น

กลิ่นบำบัดกับกรุ๊ปเลือด

กลิ่นต่างๆ ไม่ว่าจะกลิ่นของสมุนไพร ดอกไม้ หรือผลไม้ มีประโยชน์ในเรื่องของอารมณ์ ระบบไหลเวียนเลือด และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้ด้วย คนเรานั้นมีกรุ๊ปเลือดที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกกลิ่นบำบัดที่เหมาะกับกรุ๊ปเลือดของตัวเองก็จะสามารถช่วยเสริมสุขภาพ สร้างสมดุลย์แห่งชีวิตได้อีกทางหนึ่ง

มนุษย์เรามีกลิ่นกายที่ธรรมชาติให้มาอยู่แล้ว กลิ่นกายของคนเรานั้นมาจาก เลือด' เป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักซึ่งมีกลิ่นเฉพาะตัวของแต่ละคน แต่ละกรุ๊ปเลือด ในร่างกายเรามีเลือดอยู่ประมาณ 3.8 - 4.9 ลิตร หรือคิดเป็น 7 % ของน้ำหนักตัว พลาสม่า' เป็นส่วนประกอบที่มีปริมาณถึง 55 % ของเลือด มีลักษณะเป็นของเหลวสีเหลือง ทำหน้าที่ช่วยให้เม็ดเลือดไหลเวียนไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย ส่วนเม็ดเลือดมีอยู่ 3 ชนิด ได้เกร็ดเลือด ช่วยให้เลือดจับตัว เป็นลิ่มปิดที่ปากบาดแผล เม็ดเลือดขาว ช่วยกำจัดแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และศัตรูต่างๆ ของร่างกาย เป็นภูมิคุ้มกันที่บทบาทสำคัญต่อสุขภาพ เม็ดเลือดแดง ที่เราเห็นเป็นสีแดงของเลือดนั้น คือ Hemoglobin (ฮีโมโกบิน) เม็ดสีที่ประกอบด้วยธาตุเหล็ก ทำหน้าที่จับโมเลกุลของออกซิเจน ช่วยลำเลียงออกซิเจนไปสู่เซลล์ต่างๆ และถ่ายเทคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ซึ่งเป็นสารที่กระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนติบอดี้ 


เลือดแต่ละกรุ๊ปมีสารเคมีในเลือดต่างกัน ในเม็ดเลือดแดง จะมีโปรตีนสำคัญชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Antigen (แอนติเจน) เป็นตัวกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ซึ่งอาหารทุกชนิดล้วนมีโปรตีนซึ่งเป็นอนุมูลอิสระ มีคุณสมบัติเหนียว และจับเกาะติดเลือดเรียกว่า เล็คติน' ถ้าการกินอาหารที่มีเล็คตินไม่เหมาะสมกับเลือดเรา เล็คตินเหล่านั้นยังเข้าไปรบกวนการทำงานของระบบย่อยอาหาร การสร้างอินซูลิน การเผาผลาญอาหาร และความสมดุลของฮอร์โมน






 


เช่นเดียวกับการบำบัดด้วยกลิ่นที่เหมะสมตามกรุ๊ปเลือดไม่ว่าจะเป็นการนวดอโรม่า หรือการบำบัดด้วยกลิ่น การผสมใช้ในเครื่องสำอางล้วนส่งผลต่อระบบไหลเวียนของเลือด ช่วยปรับสมดุลย์ ฟื้นฟูสุขภาพกาย ใจ และช่วยเสริมสร้างแอนติบอดี้ภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายเป็นอย่างดี เมื่อร่างกายได้รับกลิ่นบำบัดที่เหมาะกับตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นทางจมูก หรือทางผิวหนัง กลิ่นเหล่านี้จะถูกส่งผ่านเข้าไปยังสมองส่วนลิมบิค (Limbic) สมองส่วนนี้จะทำงานเกี่ยวกับอารมณ์ต่างๆ ความรัก ความเศร้า ความโกรธ รวมไปถึงความจำ นอกจากนั้นสมองส่วนนี้ยังสื่อสารกับร่างกายผ่านสมองส่วน ไอโปธาลามัส (Hypothalamus) ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์บัญชาการให้ร่างกายกลับเข้าสู่ภาวะสมดุล ผ่านต่อมใต้สมอง (Pituitary Gland) ซึ่งเป็นต่อมไร้ท่อที่สำคัญของร่างกาย ดังนั้นปฏิกิริยาของร่างกายที่ได้รับกลิ่นบำบัดที่เหมาะสมกับกรุ๊ปเลือดจะส่งผลให้ เซลล์ทุกเซลล์ กระแสเลือด อวัยวะทุกระบบ ระบบประสาททุกเส้นถูกกระตุ้นส่งสัญญาณเคมีไปที่ระบบต่อมไร้ท่อ ซึ่งผลิตฮอร์โมนที่สำคัญๆ และจำเป็นของร่างกาย ได้แก่ ช่วยควบคุมพลังงาน การเจริญเติบโตและระบบสืบพันธุ์ของร่างกาย เป็นต้น


read more
0 ความคิดเห็น

การวางภาพประกอบในบล็อก

ในการดำเนินการสร้างบทความหรือบทเรียนที่ดี โดยปกติจะมีการวางสื่อภาพประกอบเนื้อหา ซึ่ง Blogger สามารถดำเนินการได้โดยง่าย มีวิธีการดังนี้
1.ให้ไปที่ ตรงตำแหน่งบรรทัดที่ต้องการแทรกภาพประกอบ ให้ คลิกที่ปุ่ม แทรกภาพ


 


 2. เลือกไฟล์ โดยกดที่ปุ่ม Browse ไปที่แหล่งเก็บไฟล์ภาพ (Drive หรือ Folder หรือสื่อเก็บข้อมูลต่างๆ)  สำหรับไฟล์ภาพ ควรเป็น ตระกูล JPG GIF PNG และขนาดของความกว้างไม่เกิน 600 Pixels ดังนั้นควรตกแต่งไฟล์ภาพที่จะ Upload ขึ้น Blog ทั้งหมดให้มีขนาดกว้างไม่เกิน 600 Pixels  นอกจากจะทำให้ไฟล์ภาพมีขนาดพอดีกับหน้าบล็อกแล้ว ยังจะช่วยให้การ Upload ไฟล์รูปภาพ รวมถึงการแสดงผลหน้าเอกสารบล็อก ทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น


 


3. เมื่อ Upload ไฟล์ภาพเรียบร้อยแล้ว กดปุ่มเพิ่มรายการที่เลือก ภาพจะปรากฏ แต่จะมีขนาดเล็กสุด  ให้นำเมาล์ไปคลิกที่รูปภาพดังกล่าว จะเกิดเมนูให้เราสามารถเลือกขนาดของภาพ คือ เล็ก / ปานกลาง / ใหญ่ / ใหญ่พิเศษ และ ขนาดเดิม ดังนัันถ้ากำหนดขนาดของภาพไว้ที่ 600 Pixels เมื่อเราเลือกขนาดเดิม จะได้ภาพพอดี  นอกจากนั้น ที่เมนูดังกล่าว ยังสามารถปรับชิดซ้าย ขวา กึ่งกลาง หรือ ลบ รูปภาพออกได้


 


4. หลังจากตกแต่งขนาด และวางตำแหน่งภาพเรียบร้อยแล้ว ให้กดปุ่มบันทึก และ ปุ่มเผยแพร่ ตามลำดับ
read more
0 ความคิดเห็น

ลักษณะสำคัญและประโยชน์ของบล็อก

ลักษณะสำคัญของบล็อก
1. แสดงเนื้อหาเป็นชุด ๆ และแต่ละชุดมีวันที่ ที่บันทึกเนื้อหากำกับไว้อย่างชัดเจน

2. เรียงลำดับเนื้อหาตามวันที่ โดยข้อความใหม่ล่าสุดที่บันทึกเข้าไป จะถูกแสดงอยู่ด้านบนสุดของหน้าเว็บไซต์ ส่วนข้อความที่บันทึกเข้าไปก่อนหน้านั้น จะอยู่ถัดลงไปเรื่อย ๆ


3. มีการสะสมชุดเนื้อหาย้อนหลัง ผู้อ่านสามารถค้นหาตามวันเวลา (archive) หรือค้นหาจากคำสำคัญ (tag) ได้


4. อาจอนุญาตให้ผู้อ่านสามารถแสดงความคิดเห็น (comment) ที่มีต่อเนื้อหาได้


5. อาจมีการจัดหมวดหมู่ของเนื้อหาออกเป็นกลุ่ม ๆ (category) เช่น บล็อกหนึ่ง ๆอาจไม่ได้มีเนื้อหาเพียงเรื่องเดียว เพราะเจ้าของบล็อกมีความสนใจในหลาย ๆ เรื่อง เพื่อให้สะดวกในการอ่าน จึงทำการแยกเป็นหลายหมวดหมู่ไว้ ตัวอย่างเช่น บันทึกประจำวัน, แนะนำเว็บ, วิเคราะห์ข่าว, วิจารณ์ภาพยนตร์ เป็นต้น


6. อาจมี RSS Feed เพื่อให้สะดวกในการติดตามการอัพเดทข้อมูลของบล็อกนั้น ๆและเพื่อความสะดวกในการอ่านบล็อกโดยที่ไม่ต้องเข้ามาอ่านที่บล็อกจริง ๆ


 


ประโยชน์ของบล็อก


ประโยชน์ของบล็อกมีมากมายหลายประการ อันได้แก่


1.เป็นสื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์


ถือได้ว่าบล็อกเป็นเว็บที่เจาะกลุ่มเป้าหมายของผู้คนที่ใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นหลัก การวางกลยุทธ์การตลาดในแวดวงธุรกิจไม่อาจพึ่งพาแค่ แผ่นพับ ใบปลิว หรือการลงโฆษณาตามหนังสือพิมพ์ การโฆษณาผ่านวิทยุ โทรทัศน์ ซึ่งช่องทางที่กล่าวนับวันยิ่งมีค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์สูง การใช้บล็อกเพื่อประชาสัมพันธ์ จึงเป็นอีกวิธีการที่มีค่าการลงทุนที่ต่ำ แต่สามารถส่งผลทางการตลาดที่สูงขึ้นได้ นอกจากนี้ในภาครัฐมีหลายแห่งที่ใช้บล็อกเป็นเครื่องมือ ช่องทางในการเผยแพร่ข่าวสารของหน่วยงานอีกทางหนึ่งด้วย


2. เป็นแหล่งให้ข้อมูลความรู้ เฉพาะเรื่อง


ปัจจุบันข่าวสารต่าง ๆ รวมถึงเทคโนโลยี มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก จนหนังสือหรือสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ล้าสมัย หรือไม่สามารถออกได้ทันตามความต้องการของผู้ที่สนใจ การใช้บล็อกเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการให้ข้อมูล ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะว่าการสร้างบล็อก ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก และสามารถเขียนหรือปรับปรุงแก้ไขข้อความที่เขียนได้อย่างรวดเร็วง่ายดาย จึงมีผู้ที่มีความรู้หลายต่อหลายท่านใช้บล็อกเป็นที่เผยแพร่ความรู้ เช่น


 http://www.blognone.com/ (บล็อกที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ 


 http://www.oknation.net/blog/black (บล็อกวิเคราะห์ข่าวของคุณสุทธิชัย หยุ่น)


3. เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็น


ปัจจุบันบล็อกถือเป็นช่องทางที่ใช้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้อีกทางหนึ่ง เพราะบล็อกส่วนใหญ่ มักจะอนุญาตให้ผู้อ่านแสดงความคิดเห็นของตนที่มีต่อข้อความในบล็อกนั้น ๆ ได้ ซึ่งอาจจะเป็นการให้คำแนะนำ หรือจะเป็นการแสดงความเห็นด้วย/ไม่เห็นด้วยกับข้อความในบล็อกนั้น ๆ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้เขียนบล็อกและผู้อ่านบล็อกสามารถทำให้เกิดเป็นสังคมย่อย ๆ ขึ้นมา


4. เป็นเวทีการเรียนรู้


นอกจากจะเป็นแหล่งข้อมูลเฉพาะเรื่องแล้ว สถานศึกษา หรือครู และบุคลากรทางการศึกษา ยังใช้บล็อก เป็นอีกกลไก หรือเครื่องมือในการเผยแพร่ความรู้เนื้อหา เพิ่มเติมจากหลักสูตร หรือเป้นเวทีสำหรับให้ลูกศิษย์เข้ามาแสดงความคิดเห็น หรือตอบคำถามต่างๆ


ในโลกของสังคมข่าวสารปัจจุบัน บล็อก เป็นอีกปัจจัยสำคัญของ Social network ที่มีอิทธิพลต่อวงการธุรกิจ วงการข่าวสาร ประชาสัมพันธ์ หรือแม้กระทั่งแวดวงการศึกษา จะเห็นได้ว่าอัตราการเจริญเติบโตของบล็อกประเภทต่างๆไม่ว่าจะเป็นบล็อกส่วนตัว ไปจนถึงบล็อกขององค์กร/ธุรกิจ จะมีอัตราที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ถือได้ว่าเป็นการเกิดของ สังคมแห่งการแบ่งปัน ที่มีทั้งผู้ต้องการสาระเนื้อหา ผู้ที่เผยแพร่เนื้อหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวหลากหลายประเภทหรือหลากหลายมุมมอง หรือชื่นชมผลงานส่วนตัวไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ชีวิตต่างๆ ผลงานรูปภาพ งานกราฟิก งานมัลติมีเดียต่างๆ ไปจนถึงบล็อกขององค์กร / ธุรกิจ ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อการโฆษณา ประชาสัมพันธ์
read more
0 ความคิดเห็น

เริ่มแรกเรียนรู้เรื่องบล็อก

บล็อก ( blog) เป็นคำรวมมาจากคำว่า เว็บล็อก (weblog) เป็นรูปแบบเว็บไซต์ประเภทหนึ่ง ซึ่งถูกเขียนขึ้นในลำดับที่เรียงตามเวลาในการเขียน ซึ่งจะแสดงข้อมูลที่เขียนล่าสุดไว้แรกสุด บล็อกโดยปกติจะประกอบด้วย ข้อความ ภาพ ลิงค์ ซึ่งบางครั้งจะรวมสื่อต่างๆ ไม่ว่า เพลง หรือวิดีโอในหลายรูปแบบได้ จุดที่แตกต่างของบล็อกกับเว็บไซต์โดยปกติคือ บล็อกจะเปิดให้ผู้เข้ามาอ่านข้อมูล สามารถแสดงความคิดเห็นต่อท้ายข้อความที่เจ้าของบล็อกเป็นคนเขียน ซึ่งทำให้ผู้เขียนสามารถได้ผลตอบกลับโดยทันที คำว่า "บล็อก" ยังใช้เป็นคำกริยาได้ซึ่งหมายถึง การเขียนบล็อก และนอกจากนี้ผู้ที่เขียนบล็อกเป็นอาชีพก็จะถูกเรียกว่า "บล็อกเกอร์" สังคมบล็อก สังคมบล็อก หมายถึง พื้นที่บนอินเตอร์เน็ท เพื่อให้ผู้ที่ต้องการนำเสนอบทความ สามารถแบ่งบัน เรื่องราว รูปภาพ รูปถ่าย อันส่งผลประโยชน์ แกผู้เข้ารับชม อันนี้คือสิ่งที่จำกัดความหมายของสังคมบล็อก ตั้งเป้าหมายไว้ โดยผู้ใช้ สามารถที่จะหา ผลประโยชน์จาก บทความที่ตนเอง เป็นผู้นำเสนอ โดยอาจจะมีการ นำเสนอโฆษณา พร้อมๆ กับการนำเสนอ บทความ แล้วแต่ความต้องการของผู้ใช้ อย่างอิสระ อนึ่ง การใช้งานระบบสังคมบล็อก มีเนื้อหาของการนำเสนอ โดยจะต้องเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ ผู้นำเสนอ ระหว่างผู้ใช้งานด้วยกัน ไม่อาจจะทำการสำเนา เอกสารดังกล่าวได้ เพียงแต่สามารถทำการลิงค์เชื่อมโยง เพื่อส่งผลโดยตรงต่อผู้ใช้งานทั่วไป ให้สามารถใช้งานระบบได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด ความเป็นมาของบล็อก ในความเป็นจริงแล้วบล็อกมีมาในช่วงยุคต้นๆของการมีเว็บไซต์เลยทีเดียว(ช่วงประมาณปี ค.ศ.1992) โดยบล็อกมีต้นตระกูลมาจากเว็บประเภทหนึ่งที่เรียกว่า What’s New ซึ่งในยุคแรกขณะนั้นยังมีเว็บไซต์จำนวนไม่มากนัก เจ้าหน้าที่ของสถาบันวิจัยนิวเคลียร์ภาคพื้นยุโรป (CERN) ได้เป็นผู้เริ่มสร้างเว็บสำหรับนำเสนอข่าวเกี่ยวกับวงการเว็บ รวมถึงแจ้งข่าวสารเว็บไซต์ที่เกิดใหม่ โดยทำในลักษณะเป็นลิงค์ชี้ไปยังเว็บไซต์นั้นๆ และมีคำอธิบายว่ามันคืออะไร มีอะไรน่าสนใจบ้าง จากนั้นก็มีผู้ทำ What’s New ในลักษณะต่างๆ มากมาย จนถึงปี ค.ศ.1997 นายจอร์น บาร์เกอร์ (Jorn Barger) เจ้าของเว็บไซต์ http://www.robotwisdom.com/ ซึ่งเป็นเว็บที่มีลักษณะเป็น บล็อก อาจกล่าวได้ว่าเป็นบล็อกรุ่นแรกๆ ก็ได้คิดคำว่า weblog ขึ้นมา ต่อมาในปี ค.ศ.1999 ปีเตอร์ เมอร์โฮลซ์ (Peter Merholz) เจ้าของ http://www.peterme.com/ ประกาศว่า ต่อไปเขาจะอ่านคำว่า weblog ว่า “วี - บล็อก” และจะเรียกสั้น ๆ ว่า blog “บล็อก” เนื่องจากในยุคสมัยนั้น ยังมีคนใช้บล็อกจำนวนไม่มากนัก และความคิดนี้ ถือเป็นความคิดที่แปลกใหม่น่าสนใจ นับตั้งแต่นั้นมา คำว่า บล็อก จึงกลายเป็นคำที่ได้รับความนิยมไปทั่ว และถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย แม้ว่า weblog นั้นดูจะเป็นภาษาทางการมากกว่าคำว่า blog แต่ก็ยังมีผู้เรียกขาน weblog อยู่เช่นกัน
read more

ความคิดเห็นจาก Facebook